Last updated: 4 ม.ค. 2565 | 1798 จำนวนผู้เข้าชม |
น้ำพระทัยรินหลั่ง ลุ่มน้ำปากพนังร่มเย็น อุทกวิภาชประสิทธิ”ประตูแยกน้ำจืด-น้ำเค็ม ชุบชีวิตพสกนิกรไทย
ความเป็นมา : จากอดีตอันรุ่งโรจน์ ศูนย์กลางผลิตข้าว เมืองท่าแห่งการค้าขายทางทะเล ที่สำคัญสายหนึ่งมาแต่ครั้งโบราณกาล ความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ เหมาะแก่การปลูกข้าวเป็นอย่างยิ่ง ปากพนังจึงกลายเป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ เป็นศูนย์กลางการค้าข้าว ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ แต่แล้วความรุ่งโรจน์แห่งเมืองท่า ก็เข้าสู่จุดเปลี่ยนแปลง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และวาตภัยแฮเรียดแหลมตะลุมพุก ทำลายนาข้าว ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ บ้านเรือน และชีวิตผู้คน เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ประชากรเพิ่มขึ้น แหล่งทำกินน้อยลง จากการใช้ที่ดินและทรัพยากรในพื้นที่อย่างรีดเค้น บุกรุก ทำลาย ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความล่มสลายในการประกอบอาชีพของราษฎรในพื้นที่ ระบบนิเวศเสียสมดุลอย่างรุนแรง ราษฎรไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังเดิม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงห่วงใยในความเดือนร้อนของราษฎร
หลักการ : จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณการดำเนินโครงการพัฒนาทั้งระบบลุ่มน้ำ โครงการแรกของประเทศไทย ในชื่อ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2535 โดยให้หาแนวทางในการแก้ปัญหาครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะการบรรเทาปัญหา 4 น้ำ 3 รส คือ น้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเค็ม น้ำเปรี้ยว โดยให้ก่อสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ป้องกันไม่ให้น้ำเค็มรุกแพร่กระจายในพื้นที่ เป็นจุดเริ่มต้นการแยกพื้นที่น้ำจืดน้ำเค็มให้ชัดเจน การพัฒนาระบบชลประทาน การจัดการน้ำ และการจัดการที่ดิน การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาอาชีพ เพื่อส่งเสริมรายได้ โดยยึด "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"
กว่า 20 ปี จากเริ่มโครงการ ยังผลให้ราษฎรในพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ เพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร สร้างอาชีพอย่างหลากหลาย ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มหลายเท่าตัวมาโดยลำดับ มีการผลิตข้าวพันธุ์ดีได้มากที่สุดในภาคใต้ มีหลายอาชีพที่ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น เช่นการผลิตข้าวอินทรีย์ ส้มโอทับทิมสยาม ไร่จาก ไก่พื้นเมืองศรีวิชัย เป็ดเทศร่อนพิบูรณ์ แพะ ปลากะพงขาว เป็นต้น บัดนี้ความสมบูรณ์ได้กลับคืนมาสู่ชาวปากพนังอีกครั้ง และยั่งยืน
นับเป็นแสงแห่งพระบารมีที่จะส่องสว่างกลางใจปวงชนชาวไทยตราบนิรันดร์